Friday, 29 Mar 2024

9 สัญญาณเตือน โรคเบาหวาน

คุณ หรือญาติ มีอาการเหล่านี้้หรือไม่ พึงสังเกตตัวเองด้วยนะคะ

9 สัญญาณเตือน โรคเบาหวาน
1. ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
2. คอแห้ง กระหายน้ำบ่อย
3. หิวบ่อย กินจุกว่าเดิม
4. น้ำหนักตัวลด โดยไม่ทราบสาเหตุ
5. แผลหายช้า
6. อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
7. ตาพล่ามัว มองไม่ชัด เป็นช่วงๆ
8. ผิวหนังแห้ง และคัน
9. ชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า

1. ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ เข้าห้องน้ำเกิน 1 ครั้งต่อคืน สัญญาณเตือน เบาหวาน ‼‼

ในผู้ป่วยเบาหวานจะมีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงเกิน ทำให้ไตไม่สามารถที่จะกั้นน้ำตาลได้ ทำให้มีน้ำตาลออกมาทางปัสสาวะมากและน้ำตาลนี้เองที่จะดึงน้ำปัสสาวะออกมาด้วย ทำให้ผู้ป่วยมีปัสสาวะมากกว่าคนปกติจึงต้องลุกมาปัสสาวะกลางคืน

และส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการคอแห้ง กระหายน้ำ หิวน้ำบ่อยจากการเสียน้ำเยอะนั่นเอง

 

2. คอแห้ง กระหายน้ำบ่อย
เนื่องจากร่างกายของผู้ป่วยเบาหวาน จะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้อย่างเพียงพอ หรือนำไปใช้ได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้มีน้ำตาลกลูโคสก่อตัวในร่างกายมากเกินไป และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ร่างกายพยายามขับน้ำตาลออกมา จึงส่งผลทำให้ผู้ป่วยปัสสาวะบ่อย เมื่อปัสสาวะบ่อย ร่างกายก็ต้องการน้ำเพื่อทดแทนน้ำที่เสียไป จึงทำให้เกิดอาการคอแห้ง และกระหายน้ำร่วมด้วย 

 

3. หิวบ่อย กินจุกว่าเดิม

หิวบ่อย กินจุ แต่น้ำหนักลด !!! โดยปกติร่างกายมีแหล่งพลังงานจาก 3 ส่วน คือคาร์โบไฮเดรตจากน้ำตาล ไขมันในร่างกาย โปรตีนจากกล้ามเนื้อซึ่งร่างกายจะดึงเอาน้ำตาลไปใช้ก่อนเป็นอย่างแรกเพราะใช้ง่ายที่สุด

แต่ในคนเป็นเบาหวานร่างกายเอาน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานไม่ได้เพราะไม่มี “อินซูลิน” เป็นตัวช่วย
จึงจำเป็นต้องไปเอาพลังงานจากไขมันและกล้ามเนื้อแทน ในผู้ป่วยเบาหวาน เมื่อกล้ามเนื้อและไขมันบางส่วนหายไปจะทำให้น้ำหนักลดลง แต่กลับหิวบ่อยเนื่องจากเอาน้ำตาลไปใช้ไม่ได้

 

4. น้ำหนักตัวลด โดยไม่ทราบสาเหตุ

ส่วนสาเหตุ ที่น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว เนื่องมาจากร่า­­งกาย­­ไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ จึงทำให้ร่างกายเหมือนอยู่ในภาวะขาดอาหารและเริ่มดึงโปรตีนจากกล้­­­­ามเนื้อ มาใช้เป็นพลังงานแทน และยังส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญแคลอ­­­­รีมากเกินไป แถมทำให้ไตทำงานอย่างหนักซึ่งก็เป็นอันตรายต่อไตอีกด้วย

5. แผลหายช้า

สำหรับผู้ป่วยเบาหวานถือว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยมากที่สุด โดยระบบประสาททำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดอาการชา หรือไร้ความรู้สึกบริเวณปลายมือ ปลายเท้า เมื่อเกิดอาการชาเกิด จึงเป็นเหตุให้เกิดแผลได้ง่ายขึ้น และเมื่อเกิดบาดแผล หลอดเลือดเองก็ทำงานผิดปกติ และเลือดไหลเวียนบริเวณแผลได้ไม่เพียงพอ จึงเป็นสาเหตุทำให้แผลหายช้า และกลายเป็นแผลเรื้อรัง เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย และหลายคนคงสงสัย ว่า ทำไม ต้องเป็นอวัยวะ “ขา” เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว มักพบแผลเหล่านี้ที่บริเวณเนินเท้า นิ้วโป้ง เท้า ขา ซึ่งหากไม่รักษาทันท่วงที และถูกต้อง อาจเป็นสาเหตุที่จะต้องตัด “ขา” เนื่องจากการติดเชื้อได้ในที่สุด

6. อ่อนเพลีย ไม่มีแรง

ส่วนใหญ่ในผู้ป่วยเบาหวานเมื่อมีระดั­­­บน้ำตาลในเลือดสูง จะส่งผลทำให้มีอาการอ่อนเพลียและอารมณ์ฉุนเฉียว เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดนั้นจะส่งผลกับทุกระบบการทำงานในร่างกา­­­­ย แม้แต่ระบบที่ควบคุมภาวะทางอารมณ์ แต่ก็ไม่น่าห่วงมากเกินไป ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะกลับมาทำงานได้ดีขึ้น เมื่อร่างกายเริ่มขับน้ำตาลออกมาทางปัสสาวะได้มากจนระดับน้ำตาลในเลือ­­­­ดเข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็จะทำให้  อาการอ่อนเพลียและอารมณ์ที่แปรปรวนนั้นหายไป

7. ตาพล่ามัว มองไม่ชัด เป็นช่วงๆ

เมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกินไป จะไปทำปฏิกิริยาภายในดวงตา ทำให้เกิดความผิดปกติภานในดวงตา จะทำให้มีอาการมองเห็นไม่ชัด ตาพร่ามัว เห็นอะไรลอยไปมาในดวงตา หรือ เห็นแสงวูบวาบ แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะอาการนี้จะไม่เป็นตลอดไป เมื่อผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู­­­­่ในระดับปกติได้ แต่อย่างไรก็ตามควรที่จะหมั่นตรวจเลือดเพื่อตรวจเช็กระดับน้ำตาลในเลือดดป็นประจำ เพราะถ้าไม่มีการตรวจเช็กและควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี ก็มีความเสี่ยงจะทำให้มีสิทธิ์ตาบอดได้ค่ะ

8. ผิวหนังแห้ง และคัน

สัญญาณพื้นฐานของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ก็คือ มีอาการผิวแห้งแตก หรืออาการคันบนผิวหนัง โดยผู้ป่วยเบาหวานบางรายอาจจะมีรอยดำคล้ำที่บริเวณ ใต้รัก­­­­แร้ หรือ คอ ซึ่งมีสาเหตุมาจากภาวการณ์ดื้ออินซูลินในร่างกาย เมื่อตรวจพบว่ามีปัญหาผิวหนังแห้ง หรือ คัน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดค่ะ

9. ชาปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า อย่าละเลย

อาการชาตามปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า หรือแม้กระทั่งแขน ขา มือ และใบหน้า อย่าละเลย เพราะอาจส่งผลถึงอัมพาตได้

อัมพาต อันเนื่องมาจาก ปลายประสาทอักเสบ

สมองเปรียบเสมือนศูนย์ควบคุมการส่งกระแสไฟฟ้า สมองจะควบคุมการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังอวัยวะต่างๆ ผ่านทางสายไฟ หรือในที่นี้คือเส้นประสาท และมีสายไฟฟ้าแรงสูง หรือเส้นประสาทใหญ่อยู่ที่ไขกระดูกสันหลัง ที่พร้อมกระจายไฟฟ้าไปยังเส้นประสาทอื่นๆ ต่ออีกทอดหนึ่ง

เมื่อเส้นประสาทเริ่มมีปัญหาในจุดใดจุดหนึ่ง ทำให้อวัยวะส่วนนั้นทำงานผิดปกติ จึงอาจเป็นที่มาของปลายประสาทอักเสบ ที่ทำให้เกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า เส้นประสาทไม่สามารถรับรู้ได้ถึงอาการเจ็บปวด แสบร้อน สั่นสะเทือน หรือไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้นได้

แล้วปลายประสาทอักเสบได้จากอะไร?

ส่วนใหญ่มาจากโรคที่เราสร้างขึ้นเองเช่น
-โรคเบาหวาน
-โรคไต
-โรคความดันโลหิต

เมื่อรู้งี้แล้ว ถ้าเรามีความเสียงต่างๆนี้ ก็ควรดูแลสุขภาพให้ดีอย่าละเลยไป เพราะถ้าเกิดต้องเป็นอัมพาตแล้วหล่ะก็คงไม่สนุกกันแน่นอนคะ

 15,141 total views,  1 views today

Open